พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์นาโกย่า(Nagoya City Science Museum)

ตั้งอยู่ภายในเมืองนาโกย่า(Nagoya) จังหวัดไอจิ(Aichi) ถือได้ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ทั้งใหญ่และมีสิ่งต่างๆที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ได้ดูกันแบบเต็มอิ่ม จุดเด่นภายนอกที่เห็นได้ชัดคือตัวอาคารรูปทรงแปลกตารูปโลกยักษ์สีเงิน ไฮไลท์ของที่นี่ก็คือท้องฟ้าจำลอง ซึ่งถูกโปรแกรมให้เปลี่ยนแปลงตามปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ในปัจจุบัน ถึงแม้ว่าการบรรยายมีเพียงภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ก็ยังคุ้มค่าสำหรับการมองดูดวงดาวที่ฉายบนหน้าจอทรงกลมขนาดใหญ่ ภายในพิพิธภัณฑ์มีทั้งหมด 7 ชั้น แบ่งออกเป็น 5 ชั้นจะครอบคลุมการจัดแสดงนิทรรศการถาวร ส่วนนิทรรศการชั่วคราวจะจัดขึ้นเป็นระยะๆในห้องใต้ดิน นิทรรศการในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เหมาะกับผู้เข้าชมทุกเพศทุกวัย เพื่อเรียนรู้วิทยาศาสตร์ผ่านการทดลองแบบโต้ตอบ เช่น ห้องแลปทอร์นาโด ห้องแลปไฟฟ้า และห้องแลปแช่แข็งที่จำลองสภาวะบริเวณขั้วโลก พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในท้องฟ้าจำลองขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย

SCMAGLEV and Railway Park

เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 2011 สถานที่แห่งนี้คือพิพิธภัณฑ์รถไฟของบริษัท Central Japan Railways (หรือเครือ JR ที่เรารู้จักนั่นเอง) จุดมุ่งหมายเพื่อให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่นักท่องเที่ยวหรือคนที่สนใจในเทคโนโลยีและความล้ำสมัยของรถไฟความเร็วสูงในญี่ปุ่น โดยมีส่วนที่จัดแสดงหัวขบวนรถจักรไอน้ำ รถไฟหัวกระสุนชินคันเซน (Shinkansen) และล่าสุด รถไฟพลังแม่เหล็ก (Maglev) หัวขบวนรถไฟจำนวน 39 ขบวนที่ปลดประจำการแล้วถูกนำมาจัดแสดงในมิวเซียมนี้ ซึ่งเปิดให้ผู้เข้าชมเข้าไปนั่งข้างในได้ด้วย รวมไปถึงส่วนแสดงข้อมูลแผนการก่อสร้างรางรถไฟความเร็วสูงเชื่อมระหว่างโตเกียวและโอซาก้าในอนาคต นอกจากนี้ที่ชั้นสองยังมีห้องสื่อการเรียนรู้ที่เหมาะสำหรับเด็กๆอีกด้วย

ชิราวาคาโกะ

เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น บรรยากาศของที่นี่มีความเป็นหมู่บ้านชาวนาเก่าแก่ที่ยังคงอนุรักษ์สิ่งก่อสร้างแบบดั้งเดิมอันเป็นมรดกของโลกเอาไว้ตั้งแต่ในอดีตจวบจนปัจจุบัน ชื่อเรียกเต็มๆ ของหมู่บ้านแห่งนี้คือ “กัสโชซึคุริโอกิมาฉิ ชิราคาวาโกะ” จุดเด่นของที่นี่ก็คือบ้านทรง กัสโซ ที่มีความชันถึง 60 องศาคล้ายกับการพนมมือเข้าหากัน ซึ่งวัสดุในการสร้างบ้านนั้นล้วนนำมาจากธรรมชาติ ใช้ต้นหญ้าที่ปลุกในหมู่บ้านมามุมหลังคา ตัวบ้านจะไม่มีการตอกตะปูใดๆและบางหลังก็มีอายุยาวนานกว่า 250 ปี ปัจจุบันนี้ยังมีชาวบ้านอาศัยอยู่ในหมู่บ้านด้วย

ปราสาทคานาซาวะ(Kanazawa-jō, 金沢城)

นับเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวสุดฮิตของเมืองคานาซาวะ(Kanazawa)ในจังหวัดอิชิคาว่า(Ishikawa ในอดีตปราสาทแห่งนี้ได้เคยเป็นของไดเมียวตระกูลใหญ่เป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่นของสมัยยุคเอโดะ อีกอย่างที่ยกระดับความฟินให้คนที่ชอบความคลาสสิกได้อินได้มากขึ้น ก็ตรงที่บริเวณรอบๆจะรายล้อมไปด้วยเมืองเก่าแก่และสวนเคนโรคุเอ็น(Kenrokuen) ที่เป็นสวนสวยชื่อเสียงโด่งดังสุดๆขนาดใหญ่ประจำปราสาทนี้อยู่ ภายในปราสาทจะมีอาคารหลักๆอยู่ 3 อาคาร คือ Hishi Yagura, Hashizume-mon Tsuzuki Yagura และ Gojukken Nagaya ซึ่งทั้งหมดถูกสร้างขึ้นโดยมีต้นแบบมาจากอาคารดั้งเดิมก่อนที่จะถูกไฟไหม้แบบถอดมาเป๊ะๆ ด้วย จริงๆแล้วหลายๆส่วนของปราสาทคานาซาวะไม่ได้เป็นของดั้งเดิม เนื่องจากมีการถูกทำลายจากเพลิงไหม้จนต้องมีการบูรณะสร้างใหม่หลายครั้งจนมาถึงในปัจจุบัน

หน้าผาโทจินโบ (Tojinbo Cliff)

เป็นหน้าผาที่ยื่นออกไปในทะเลญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในเมืองสะกะอิ จังหวัดฟุกุย หรือบริเวณพรมแดนที่ติดกับจังหวัดอิชิกาว่า จุดเด่นของผานี้คือมีความยาวถึง 1 กิโลเมตรและสูงถึง 25 เมตรด้วยกัน และเป็นหน้าผาหินลาวาที่ถูกน้ำทะเลและคลื่นลมกัดเซาะโดยธรรมชาติ บนหน้าผานี้มีทางเดินที่เหมาะสมสร้างเตรียมไว้ให้ นอกจากนี้ได้มีเรือนำเที่ยว ที่ท่านสามารถชมความงามของหน้าผานี้จากทะเลได้อีกด้วย อีกทั้งหน้าผาแห่งนี้ยังมีหินเก่าแก่แปลกประหลาด มากมายให้ท่านได้ชม เช่น หินสิงโต หินเทียน หินสามชั้น หินชัน และยังมีหอชมวิวโทจิโบในเมืองที่ท่านสามารถ เห็นวิวของหน้าผาหินโทจินโบ เกาะโอชิมะ และเทือกเขาฮาคุสันด้านหลังได้อีกด้วย

วัดคิโยะมิซุ (Kiyomizu-dera)

ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 780 หรือที่เราๆรู้จักกันในชื่อ วัดน้ำใส มีสถาปัตยกรรมโบราณที่งดงามมาก และได้จดทะเบียนขึ้นเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก (UNESCO world heritage sites) ซึ่งที่มาของชื่อวัดน้ำใสก็มาจากการที่วัดแห่งนี้มาจาก น้ำที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจากน้ำตกโอโตวะ (Otowa Waterfall) ไหลผ่านตัววัดนั่นเอง จุดที่ถือว่าเป็นไฮไลท์การท่องเที่ยวของที่นี่ก็คงไม่พ้น อาคารไม้ขนาดใหญ่ที่ที่โครงสร้างทั้งหมดนี้ไม่มีการใช้ตะปูใดๆทั้งสิ้น เสาของอาคารมีความสูงถึง 13 เมตรจากพื้นดิน และโถงอาคารถูกสร้างให้ยื่นออกไปภายนอกทำให้บริเวณนี้เป็นจุดชมวิวที่สวยงาม มองเห็นเมืองเกียวโตในฤดูต่างๆ และเป็นจุดชมซากุระและชมใบไม้แดงที่ขึ้นชื่อของเกียวโตอีกด้วย

ศาลเจ้าฟุชิมิ อินาริ (伏見稲荷大社, Fushimi Inari Taisha)

เป็นศาลเจ้าในศาสนาชินโต ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกียวโต ศาลเจ้าแห่งนี้มีชื่อเสียงจากเสาโทริอิ (Torii gate) สีแดงชาดจำนวนนับพัน ซึ่งตั้งเรียงกันเป็นอุโมงค์เส้นทางเดินอยู่บริเวณหลังอาคารหลัก เส้นทางนี้จะตรงไปยังป่าในหุบเขาอินาริ (Mount Inari) อันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมีความสูง 233 เมตร และเป็นอาณาบริเวณส่วนหนึ่งของศาลเจ้า ตามความเชื่อของศาสนาชินโต เชื่อกันว่าสุนัขจิ้งจอกนั้นเป็นผู้นำสารของอินาริ ดังนั้นคุณจะสามารถพบเห็นรูปปั้นสุนัขจิ้งจอกได้ทั่วไปในอาณาบริเวณศาสนสถานแห่งนี้ ศาลเจ้าฟุชิมิ อินาริ มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ก่อนการก่อตั้งเกียวโตเป็นเมืองหลวงในปี 794

ชินไซบาชิ (Shinsaibashi)

ตั้งอยู่ใกล้กับนัมบะและโดทงโบริ จุดท่องเที่ยวยอดนิยมในโอซาก้า ที่นี่มี ย่านร้านค้า ชินไซบาชิซุจิ (Shinsaibashsuji Shotengai) แหล่งช้อปปิ้งชื่อดังของโอซาก้า ย่านร้านค้าชินไซบาชิซุจิมีระยะทางทั้งหมด 600 เมตร โดยมีจุดเริ่มต้นที่สะพานเอบิสึ ที่อยู่ตรงกลางโดทงโบริ ตรงข้ามกับจุดถ่ายรูปยอดฮิตป้ายกูลิโกะ (รูปคนชูแขน) และหากรวมย่านร้านค้าอื่นๆ ที่อยู่หัวและท้ายด้วยก็จะกลายเป็นย่านร้านค้าที่มีความยาวราว 2 กิโลเมตรเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นร้านขายยา ร้านขายเครื่องสำอาง ร้านปลอดภาษี (Duty Free) ร้าน 100 เยน ร้านคาแรคเตอร์ต่างๆ ไปจนถึงร้านอาหารและคาเฟ่มากมายก็รวมตัวกันอยู่ที่นี่